ปิดตำนาน “หน้าผาหัวสิงห์” ข้างหลัง อช.เขาค้อ ประกาศปิดสถานที่ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น พร้อมเผยก่อนหน้านี้หน้าผาหัวสิงห์มิได้ถูกระบุเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทางอุทยานฯ ซึ่งภายหลังจากติดป้ายเตือนห้ามเข้าแล้ว ถ้าหากคนไหนละเมิดจะถูกดำเนินงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
“หน้าผาหัวสิงห์” ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
หน้าผาหัวสิงห์ มีลักษณะยอดเยี่ยมเนินยื่นออกไปจากแนวหน้าผา ถือเป็นจุดสำหรับเพื่อชมวิวซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ ชมทะเลหมอก ได้เกือบจะรอบทิศทาง ที่สำคัญเป็นสามารถแลเห็นทิวทัศน์ทัศนียภาพของ “ภูทับเบิก” แหล่งท่องเที่ยวโด่งดังใน จ.จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้อย่างงดงามกว้างไกล ก่อนหน้านี้หน้าผาหัวสิงห์ จึงเป็นที่นิยมจากนักเดินทางเยอะมากๆ
สำหรับเส้นทางขึ้นหน้าผาหัวสิงห์เป็นถนนลูกรัง นักเดินทางจำต้องขับขี่รถขึ้นไปหยุดยังลานหยุดที่ดินอุทยานฯ เขาค้อ ระบุ แล้วหลังจากนั้นจึงเดินเท้าไปอีกไม่ไกลสู่จุดสำหรับเพื่อชมวิวไฮไลท์ที่ปลายยอดหน้าผา
อย่างไรก็ดีด้วยความเลื่องชื่อของหน้าผาหัวสิงห์ ที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเยอะมากๆ ก่อนหน้านี้จึงมีคนล่วงล้ำขยายที่ดินเพื่อเลี้ยงชีพเดิมขึ้นไปตั้งเต็นท์บ้านพักและก็สิ่งก่อสร้างบังทัศนียภาพอันงามของหน้าผาแห่งนี้ จนเกิดเป็นกรณีดรามาในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง เมื่อตอนต้นเดือน เดือนกรกฎาคม ปี 2563 ซึ่งสุดท้ายทางกรมป่าไม้ได้สั่งรื้อถอนเต็นท์ และก็สิ่งก่อสร้าง บนยอดหน้าผาหัวสิงห์ เพื่อไม่ให้บังทัศนียภาพ โดยเปิดให้นักเดินทางขึ้นไปเที่ยวบนนั้นแบบมีจิตสำนึก เคารพในกฎ ข้อตกลง
แต่ทว่าล่าสุด…หน้าผาหัวสิงห์ เกิดดรามาอีกครั้ง จากกรณีมีนักท่องเที่ยวขับขี่รถขึ้นไปหยุดบนยอด “หน้าผาหัวสิงห์” จนเกิดหัวข้อดรามาที่มาพร้อมคำวิจารณ์ ติเตียนถึงความประพฤติปฏิบัติดังกล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ไม่เหมาะสม ไม่มีสำนึก ด้วยเหตุว่าเป็นการละเมิดกฎข้อตกลงที่คนจำนวนมากรู้ๆกันอยู่ว่า ห้ามนำรถยนต์ขับขึ้นไป ด้วยเหตุว่าเป็นเส้นทางเดินเท้าและก็พื้นที่สุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจได้รับอุบัติเหตุมีอันตราย ทั้งยังเป็นเป็นความประพฤติปฏิบัติที่อาจจะส่งผลให้นักเดินทางรายอื่นๆเอาอย่าง
ทำให้จากนั้นทางอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ได้จบดรามาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นช่วงวันที่ 15 เดือนพฤษภาคม 64 ก่อนหน้านี้ โดยทางอุทยานฯ เขาค้อ ได้เผยออกมาว่า จากในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวบางบุคคลขับขี่รถขึ้นไปหยุดรอบๆจุดสำหรับเพื่อชมวิวหน้าผาหัวสิงห์ การกระทำดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจัดว่าอันตรายอย่างมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นตอนฝนตก ทางค่อนข้างจะลื่น ประกอบกับพื้นที่บนหน้าผาหัวสิงห์เป็นลานดินแคบ และก็รอบๆรอบๆเป็นผาชัน
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของนักเดินทาง ทางอุทยานฯ เขาค้อ จึงปิดหน้าผาหัวสิงห์เพื่อปกป้องปัญหาดังกล่าวมาแล้วข้างต้น พร้อมทั้งติดป้ายเตือน “อันตรายผาชัน” และก็ป้าย “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” ไว้รอบๆทางขึ้น “หน้าผาหัวสิงห์” เพราะพื้นที่รอบๆดังกล่าวมาแล้วข้างต้น มีสภาพตำแหน่งที่ตั้งเป็นลานดินแคบ รอบๆรอบๆเป็นผาชัน มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและก็อันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้ ถ้าหากมีผู้ใดกันแน่ละเมิดทางอุทยานเขาค้อ จะดำเนินงานโดยชอบด้วยกฎหมายต่อไป
นอกนั้น “นายผสาน เอียดสังข์” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ยังออกมาเผยออกมาว่า รอบๆ “หน้าผาหัวสิงห์” มิได้ระบุเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ จึงมิได้จัดเจ้าหน้าที่มาดำเนินการอำนวยความสะดวกและก็รักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยปกป้องอุทยานแห่งชาติเขาค้อที่ ขค.2 (น้ำเพียงแต่ดิน) ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นหน่วยที่ดำเนินการลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นหลัก
ดังนี้ข้างหลังทาง อช.เขาค้อ ได้กระทำปิดหน้าผาหัวสิงห์ ทางเพจ “ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ” ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ว่า
‼ ด้วยเหตุว่าเพียงแต่ขาด จิตสำนึก ตรึกถูก-ผิด
จึงถูกปิด เป็นตำนาน เพียงแค่ผ่านเห็น
ด้วยเหตุว่าเป็นเพียงแต่ เพียงแค่ความอยาก พวกกากเดน
จึงกลายเป็น เพียงแต่ตำนาน กล่าวขานเอย
⛔ ปิดตำนาน หน้าผาหัวสิงห์
โดย เจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติเขาค้อ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11(พิษณุโลก)
และก็นี่ถือว่าเป็นการจบดรามาไปพร้อมๆกับการปิดตำนานหน้าผาหัวสิงห์ หนึ่งในจุดสำหรับเพื่อชมวิวที่สวยงามในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งนี่นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับนักเดินทางที่เห็นแก่ตัว ไม่มีสำนึก คึกคะนอง ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่เคารพกฎข้อตกลง มรรยาททางการท่องเที่ยว สุดท้ายสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้น ได้ทำความเสียหายแก่สาธารณะคนหมู่มาก นับเป็นการปฏิบัติที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่างและก็สะอิดสะเอียนไม่น้อยเลย
ต่อไปคนไหนเข้าหน้าผาหัวสิงห์ก่อนได้รับอนุญาต จะดำเนินงานโดยชอบด้วยกฎหมายต่อไป (ภาพจาก กรมอุทยานฯ)
